“ฉันเคยมองความรักเป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเชื่อเสมอว่า ความรักบริสุทธิ์อาจจะเกิดขึ้นที่ใดก็ได้”
เชื่อว่า เบลล่า ฮาดิด อาจจะเป็นนางแบบดังระดับโลกที่ใครๆต่างรู้จัก ด้วยยอดฟอลโลเวอร์ในอินสตาแกรม 13.8 ล้าน บวกกับชื่อเสียงที่ผู้พี่อย่าง จีจี้ ฮาดิด และครอบครัวที่มีฐานะ ผลักดันให้น้องสาวขี้อายในวัยไม่ถึง 20 ปี กลายเป็นคนที่โด่งดัง และมีอิทธิพลทางด้านแฟชั่นคนนึงของโลก เบลล่า เติบโตมาในสภาพแวดล้อมของครอบครัวที่ให้ความรัก และความอบอุ่นรายล้อม เธอเป็นคนขี้อายและร่าเริงน้อยกว่าผู้เป็นพี่ แต่ในขณะเดียวกัน การอยู่คนเดียว นั่งคิดนั้นคิดนี่ เป็นสิ่งที่ทำให้เธอแตกต่างจากนางแบบหลายๆคน ความรักที่เข้ามาเติมเต็มในชีวิตเธอ กลายเป็นสิ่งใหม่ที่เธอมองว่า มันนำความสุขของช่วงเวลาของวัยรุ่นมาให้เธออย่างมหาศาล ในทางกลับกัน การลาจากก็นำความทุกข์อันใหญ่หลวงมาสู่ชีวิตเธอ
“มีหลายคน คิดว่าฉันอาจจะไม่ปกติ และคงเฮิร์ทหนัก กับการจากไปของอา
“ฉันเคยสงสัยว่า การที่ฉันไม่ได้ใช้ชีวิตแบบพี่สาว หรือเพื่อนนางแบบหลายๆคน ในขณะเดินทางไปร่วมเดินแบบให้กับแบรนด์ดังในช่วงเทศกาลของแฟชั่นวีค จะมีคนคิดว่าฉันแปลกประหลาด. ฉันเลือกที่จะอยู่กับเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คน นั่งอยู่ที่โบสถ์ที่ไม่มีชื่อเสียงสักที่ ในกรุงปารีส นั่งมองเด็กวัยรุ่นเล่นสเก็ตบอร์ด ขณะที่ในมือมีเพียงขนมน้อยชิ้นกับเครื่องดื่มแก้วโปรดที่ฉันชื่นชอบ ซึ่งนั่นก็เป็นการปลดปล่อยที่ดีอย่างหนึ่งแล้ว” เบลล่าล่าวเพิ่มเติม
“ฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างคิดมาก กับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง และจริงจังกับอะไรหลายๆอย่าง ฉันทิ้งความฝันของการเป็นนักขี่ม้าที่ฉันชื่นชอบตั้งแต่เด็ก เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่จะมีผลต่อสุขภาพของฉัน การที่รับรู้ว่าตัวเองเป็นโรคไลม์ มันมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจฉันเหลือเกิน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลผลักดันให้ชีวิตของฉันต้องระวังผลกระทบต่อผิวหนัง ข้อต่อ หัวใจ และระบบประสาท จนทำให้ฉันวิตกและร้องไห้หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่คนมองฉันในแง่ลบ ไม่เคยรับรู้ข้อนี้เลย”
กำลังใจที่ดีที่สุดของเบลล่าคือ แม่ พี่สาว และน้องชาย ที่ส่งต่อให้เบลล่าเข้มแข็งและพร้อมเผชิญกับปัญหาของสาวที่จะก้าวเข้าสู่ความเป็นผู้ใหญ่ เบลล่าต้องฉีดยาหลายเข็มต่อวัน ทานวิตามิน และยาปฏิชีวนะ เพื่อรักษาโรคไลม์ และยอมรับว่าการรักษาที่เข้มงวดนี้เริ่มจะส่งผลกับอาชีพนางแบบของเธอบ้างแล้ว “ใช่ มีหลายครั้งที่ฉันรู้สึกเบลอ และไม่สามารถทำอะไรได้ ในขณะรับการรักษา ยิ่งทุกครั้งที่จำเป็นต้องเดินทางไกล ฉันรู้สึกวิตกอยู่บ่อยครั้งว่า จะมีผลกระทบอะไรกับร่างกายฉันบ้าง แต่ก็เหมือนโชคช่วยได้ทุกครั้ง เพราะมันก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี” เธอกล่าว
“มีครั้งนึงที่ฉันเดินโชว์ให้กับ Michael Kors เพราะความผิดพลาดจากรองเท้าและความไม่ระวังของฉัน สื่อหลายสำนักยกหัวข้อ “Model of the year เบลล่า ฮาดิด ล้มหน้าคว่ำ บนรันเวย์ขณะเดินแบบให้แบรนด์ดัง” ซึ่งฉันเชื่อเสมอว่าอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ แต่คงไม่เท่ากับคนดังที่ผิดพลาดจากการหกล้มในครั้งนี้ ซึ่งฉันก็ได้แต่ทำใจและไม่โต้ตอบอะไร”
“ไม่มีอะไรที่เอาชนะความรักครั้งนี้ได้ ฉันหยุดงานสามวันเพื่อมาเซอร์ไพรส์วันเกิดให้คุณยายโอม่าที่เนเธอร์แลนด์ เพราะเธอต้องผ่านอุปสรรคที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็ง และฉันรู้ว่าคุณยายเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”
ในอีกหลายมุมที่เราแทบไม่เคยเห็นบทบาทของการเป็นลูกที่ดี หรือแม้กระทั้งหลานที่ดีจากเบลล่า ซึ่งความเป็นจริงแล้ว เธอทำหน้าที่นั้นได้อย่างดีเยี่ยม เธอจัดสรรเวลาที่ตัวเองสามารถทำได้ เพียงเพื่อไปเจอคุณยายในวันเกิดที่เนเธอแลนด์ เธอให้ความสำคัญกับคุณพ่อของเธอที่แทบจะไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไรนัก และข้อความสุดซึ้งที่ทำให้เห็นตัวตนของเธอที่แท้จริงมากขึ้น “ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะมีเหตุผล นั่นคือคติของฉันในตอนนี้ค่ะ และฉันก็มีความสุขมากที่ได้อยู่ในจุดที่ฉันอยู่ตอนนี้ ฉันหวังว่าอีกไม่กี่ปี ฉันจะสามารถเริ่มขี่ม้าได้อีกครั้งและซื้อโรงม้าใหญ่ๆ นอกเมือง และฉันกับแม่ก็จะได้ไปขี่ม้าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราต้องการ”
สิ่งต่างๆที่ผ่านมาในชีวิตที่เพิ่งจะเข้าสู่วัย 20 ปีของเบลล่า มันมากมายเหลือเกิน แต่เธอไม่เคยมองข้ามช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตนั้นไป “แฟนๆให้กำลังใจฉันอย่างเปี่ยมล้น เพื่อนสนิทที่มีไม่มากแต่ก็มีแต่ความปราถนาดีให้ฉัน ซึ่งนั่น เป็นเหตุผลที่ว่า ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับปัญหาของฉัน โรคของฉัน หรือร่างกายของฉัน มันพังทลายหายไปทันที เมื่อได้รับกำลังใจเหล่านั้น” เราเอง ก็เชื่อว่า เธอจะเป็นหญิงสาวที่โตขึ้น และมีความสุขมากขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ความสามารถที่เธอได้พยายามสร้างและเก็บออมอยู่นั้น จะเป็นแรงผลักดันให้เธอสานฝันสิ่งที่เธอต้องการได้ในเร็ววัน …
ขอบคุณภาพจาก นิตยสาร ELLE ฝรั่งเศส ฉบับเดือนพฤษภาคม 2017